Oracle Primavera โปรแกรมบริหารโครงการก่อสร้าง แบบครบวงจรตั้งแต่การริเริ่มไปจนถึงกระบวนการส่งมอบงาน
Oracle Primavera คือ โปรแกรมบริหารโครงการก่อสร้าง ช่วยบริหารเรื่องเวลา ทรัพยากร เงิน และอื่นๆ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่มีระดับกลางจนไปถึงระดับใหญ่ โดยเฉพาะงานที่มีความซับซ้อนมาก เช่น Shutdown Plant, Turnaround, Oil and Gas, Construction
โปรแกรม Primavera สามารถทำงานบริหารโครงการได้แบบครบวงจร ตั้งแต่การริเริ่มโครงการ การวางแผนโครงการ การปฏิบัติ การวิเคราะห์ ติดตาม รีพอร์ต ไปจนถึงกระบวนการส่งมอบงาน ครบจบได้ด้วยโปรแกรม Primavera โปรแกรมเดียว
แนะนำการใช้งานเบื้องต้น – Primavera ทำอะไรได้บ้าง
Project Interface: สามารถเห็นข้อมูลคร่าวๆ ของโปรเจคได้ รวมทั้งเก็บข้อมูลหลายๆ โปรเจคให้อยู่ใน Data Base เดียว ไม่ต้องไปเปิดทีละไฟล์เพื่อมาเปรียบเทียบโปรเจคกันให้ยุ่งยาก
Gantt Chart: จะโชว์ Timeline ของโปรเจค ว่าโปรเจคนี้เริ่มทำตั้งแต่เมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ และเมื่อสามารถเปิดได้หลายโปรเจคก็สามารถเปิดงานขึ้นมาพร้อมกันเพื่อดู Timeline และความเป็นได้ของงาน ดูว่าทรัพยากรที่ใช้ไปในโปรเจค
Project Detail: เป็นการบอกข้อมูลของโปรเจค เช่น ชื่อโปรเจค ชื่อผู้รับชอบ Status ของโปรเจค เช่น เป็นโปรเจคที่จบไปแล้ว กำลังดำเนินการอยู่ หรือเป็นโปรเจคจำลองสร้างมาเพื่อทดลองแผน ทีมงานสามารถกำหนดได้ นอกจากนี้ยังสามารถจดบันทึกข้อมูลไว้ใน Notebook ได้ ในแถบ Date ก็สามารถกำหนดวันได้ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ ยังมีแถบการใช้งานอื่นๆ ที่ช่วยอัพเดตการทำงานในโปรเจคได้เป็นอย่างดี
EPS (Enterprise Project Structure): สามารถจัดแบ่งกรุ๊ป แบ่งประเภทงานได้ เช่น แบ่งเป็น Energy, Manufacturing, IT การแบ่งงานตามประเภทของงาน จะช่วยให้สามารถหาโปรเจคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
OBS (Organization Breakdown Structure): การดูแลภาพรวมของโปรเจค Resources จะดูแลแค่ Activity จะสามารถระบุได้เลยว่าคือใคร จะคล้ายๆ กับ Roles แต่ Roles จะบอกแค่ตำแหน่ง
ส่วนที่ Primavera แตกต่างจากโปรแกรมบริหารโครงการตัวอื่นเลยก็ คือ WBS
WBS (Work Breakdown Structure): เป็นเหมือนสารบัญ แบ่งหัวข้อให้สามารถมองภาพรวมวางแผนให้ง่ายมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับระดับหัวหน้า หรือผู้บริหารในการนำหัวข้อเหล่านี้ไปประชุม
Activities: วางแผนงาน เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน สามารถวางแผนกิจกรรม การจัดลำดับขั้นตอนในการทำงาน สามารถใส่ความสัมพันธ์ ระยะเวลาได้
Resources: ทรัพยากรจะมี 3 ประเภท 1. Labor (คน) ใช้การทำงานเป็นชั่วโมง 2. Nonlabor (เครื่องจักร) ใช้การทำงานเป็นชั่วโมง 3. Material นับเป็นปริมาณงาน เช่น คิว ลูกบาศก์เมตร ตารางเมตร กิโลกรัม สามารถใส่หน่วยได้ Resources เราสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายลงไปในตัว Resources ได้เลย เมื่อได้จำนวน Resources มาแล้วนำข้อมูลเหล่านี้ไปใส่ใน Activities
Expense: เป็นการคำนวณเงินก้อน เช่น การจ้าง Supplier จบงานนี้ต้องชำระเป็นเงินก้อน ภายใน Expense ก็จะมีการแบ่ง Category อีกได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเครื่องจักร ค่าฮาร์ดแวร์ ค่าซอฟต์แวร์
Baseline: เมื่อวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใส่เวลาแล้วว่าโปรเจคนี้ทำงานกี่วัน รู้จำนวน Resources และ Expense ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง เป็นจำนวนเท่าไหร่ ก็จะทำการเซฟแผนนี้ไว้เป็น Baseline สามารถเซฟ Baseline ได้ไม่จำกัด
Update Progress: เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนการทำงานจริง ต้องอัพเดตงานตามที่ใส่ข้อมูลรายละเอียดเข้าไป เช่น วัน เวลา ที่ทำงาน เช่น ตั้งแผนไว้ว่าจะทำ 9 วัน แต่ในการทำงานจริง อาจจะไม่ได้ทำแค่ 9 วัน รวมถึงทรัพยากร เช่น วางแผนไว้ว่าใช้คอนกรีตไป 7,500 บาท แต่ของจริงอาจจะใช้ไป 8,000 บาท ดังนั้นเมื่อใส่ข้อมูลอะไรลงไปในแผนต้องอัพเดตให้ครบถ้วน
เปรียบเทียบ Baseline: สมมุติว่าเริ่มงานไปได้ 1 เดือน เริ่มการทำงานจริงแล้ว และอยากรู้ว่า Actual ที่ทำตรงกับ Baseline จริงไหม โดยในโปรแกรม Primavera สามารถเปรียบเทียบได้สูงสุด 3 Baseline ทำให้รู้ว่าในการทำงานจริงทีมงานทำงานตรงตามแผนไหม ช่วยให้เห็นภาพในการทำงานมากขึ้น และสามารถปรับแผนงานได้ทันหากงานนั้นล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้
Tracking: การติดตามงาน การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็น Cost, Unit หรืออยากดูเฉพาะ Labor, Nonlabor, Material หรือดูเป็น Total สามารถเลือกดูเป็น Spreadsheet, แผนภูมิ, กราฟ เลือกดูเป็น ชั่วโมง วัน เดือน ปี ได้
Report: การรายงานในโปรแกรม Primavera จะมี 2 รูปแบบ 1. Print Preview 2. หัวข้อ Report ในโปรแกรมมีหัวข้อให้เลือกใช้เยอะมากสามารถเลือกใช้ได้เลย
ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมการทำงานเบื้องต้นของโปรแกรม Primavera ครอบคุลมตั้งแต่กระบวนการริเริ่มโครงการ จนไปถึงการส่งมอบงานได้เลยครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม : Oracle Primavera