People Talks

Slow life VS Industrial 4.0

วันนี้ผมเอาเรื่อง Slow life กับ Industrial 4.0 มาเขียนก็มีเหตุผลนะครับ เพราะตอนนี้ดูเหมือนคนทำงานโดยเฉพาะในกรุงเทพฯของเรานี้เหนื่อยล้าเหลือเกิน กระแส Slow life ถึงได้มาแรงมากครับ อันนี้ไม่ได้คิดเองนะครับเพียงแต่รู้สึกว่ารอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ตัวก็เริ่มอยากจะใช้ชีวิตแบบช้าๆ ไม่รีบเร่ง เสาร์ อาทิตย์เป็นไม่ได้ต้องออกต่างจังหวัดไปคลายเครียด

 Slow life

ผมว่า Concept ของ Slow life เป็นสิ่งที่ดีครับ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าเราเข้าใจเรื่องของ Slow life กันอย่างไร ทั้งใน TV และวิทยุก็ชอบที่จะนำเอาคนที่ประสบความสำเร็จจากการอยู่บ้านเล่นหุ้นจริงๆ มาสัมภาษณ์ (ซึ่งมีไม่ถึง 1%) อยากให้เงินทำงาน ตัวเองจะได้ไม่ต้องทำอะไร หรือเปิดร้านกาแฟแบบชิวๆ.. ไม่ต้องรีบเร่งขับ Uber ในเวลาที่อยากทำงานอะไรประมาณนี้ มันดูเป็นชีวิตที่คุณภาพมากๆ ชิวๆ ไปเรื่อยๆ

ซึ่งเมื่อดูให้ลึกเข้าไปแล้วผมว่า Slow life กับขี้เกียจ มันมีเส้นบางๆ คั่นอยู่เท่านั้นเองครับ ใช้ชีวิตช้าๆ ไม่ต้องทำอะไร บางคนที่เคยคุยด้วยก็ออกแนวไม่อยากจะขยับขยายทำอะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อคิดจะทำอะไรก็เจออุปสรรคแยอะไปหมด อย่าทำอะไรเลยเดี๋ยวจะได้ยาก

ผมมองว่าไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน (Slow life หรือไม่) ก็ตาม ชีวิตก็ควรจะมีเป้าหมาย มีการวางแผนที่ดี เราอาจที่จะอยากเป็นเจ้านายตัวเอง อยากมีชีวิตที่เวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สุดท้ายเราก็ควรต้องบอกตัวเองได้ว่าจากวันนี้อีก 5 ปี เราจะเป็นอย่างไร พอแก่เราจะอยู่อย่างไร และสุดท้ายชีวิตเรามีคุณภาพจริงๆ หรือเปล่า

ที่จริงแล้วเราต้องหันกลับมามองดูตัวเองว่า ชีวิตเรามีประโยชน์อะไรกับใครบ้าง ถ้าเราอยู่อย่างไร้ค่าหายใจทิ้งไปวันๆ ก็ไม่ใช่ Slow life ครับ อันนี้น่าจะออกแนวขี้เกียจ

สิ่งที่น่ากลัวมากๆ ก็คือ คนเราเองถ้าไม่อยากทำอะไรแล้ว อนาคตก็จะถูกเครื่องจักรกล แย่งงานไปหมด ใน Industrial 3.0 ซึ่งก็คือยุคที่เราพัฒนาระบบอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาใช้ในโรงงาน ซึ่งยังต้องการคนมาสั่งการและเป็นตัวเชื่อมโยงระบบต่างๆ ในสายพานการผลิตให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งคนก็ถูกหุ่นยนต์แย่งงานบางส่วนแล้ว ใน Industrial 4.0 การพัฒนาระบบ Network อย่างที่เขาเรียกว่า IOT (Internet of Thing) จะถูกนำมาใช้ในระบบการผลิต การนำเอา AI (ปัญญาประดิษฐ์) รวมกับ Big Data มาช่วยในการวิเคราะห์ และตัดสินใจแทนมนุษย์ ซึ่งในปัจจุบันในวงการผู้เล่นหุ้นก็ได้นำเอา AI มาวิเคราะห์การที่จะตัดสินใจซื้อขายหุ้นกันแล้ว ความจำเป็นในการใช้คนจริงๆ จะน้อยลงไปเรื่อยๆ ดูแล้วอนาคตเราน่าจะถูกเครื่องจักรแย่งงานมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อค่าแรง เทียบกับการลงทุนในเทคโนโลยี เริ่มไม่ต่างกันมาก

 Industrial 4.0

ผมว่าถึงตอนนี้ใครยังไม่แน่ใจหรือเข้าใจเรื่อง Slow life จริงๆ หันมาใช้ Model คนสู้ชีวิต แบบคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราน่าจะดีกว่าครับ แล้วก็เน้นดูแลสุขภาพให้ดีอย่าให้ถึงกับบ้างานจนทำลายสุขภาพ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ชีวิตบั้นปลายอยู่อย่างมั่นคงครับ

ประกิจ เหล่าบุญเจริญ


Photo of author
WRITTEN BY

admin