Article - 3DPrinter Mi, Article Mi, Articles

Top 10 Features ที่คุณไม่ควรพลาดจาก MakerBot Method 3D Printer

Top 10 Features : MakerBot Method 3D Printer ที่คุณไม่ควรพลาด
[highlight_box textsize=”28″ text=”คุณกำลังมองหาเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่สามารถผลิตงานคุณภาพระดับอุตสาหกรรม” clr=”#ffffff” bgclr=”#7a7a7a” text2=”แต่ราคาเท่าเครื่อง Desktop อยู่หรือเปล่า???” hoverbg=”#000000″]

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยากใช่ไหมล่ะ!!! แต่นั่นคือสิ่งที่ MakerBot ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ และนี่ก็คือ Top 10 Features : MakerBot Method ฟีเจอร์ เอกลักษณ์โดดเด่นที่มีเพียง MakerBot Method เท่านั้นที่สามารถทำได้ แน่นอนว่าแตกต่างจากรุ่นเดิมๆที่เคยมี

เรามาดูกันว่า Top 10 Features ของ MakerBot Method 3D Printer มีอะไรบ้าง

  1. สามารถคำนวณอุณหภูมิการให้ความร้อนได้ (360° OF 100°C)
  2. สร้างสรรค์ชิ้นงานได้อย่างไม่จำกัดรูปแบบด้วย 2 หัวพิมพ์ (TWO TOOLHEADS. INFINITE POSSIBILITIES.)
  3. ปลดล็อคข้อจำกัดของการใช้ Material ต่างประเภท (THE ULTIMATE OPEN MATERIAL PLATFORM)
  4. ระบบ Calibrate อัตโนมัติสำหรับหัวพิมพ์คู่ (BUILT-IN AUTO-CALIBRATION)
  5. ป้องกันความชื้นให้กับ Material ในทุกสภาพแวดล้อม (DRY FILAMENT IN ANY ENVIRONMENT)
  6. ระบบโหลด Material อัตโนมัติเพื่อการทำงานที่เร็วขึ้น (AUTOLOADING FOR QUICK MATERIAL CHANGE)
  7. ลดการสั่นระหว่างทำงาน ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงสูง (LESS FRAME FLEX)
  8. MakerBot Print และ MakerBot Cloud สั่งผลิตชิ้นงานจากที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้ (PRINT FROM ANYWHERE AT ANYTIME.)
  9. อีกขั้นของระดับความแม่นยำ ด้วยการนำชิ้นงานออกอย่างรวดเร็ว (PRECISION LEVELED WITH QUICK PART RELEASE)
  10. เปลี่ยนและล็อคหัวพิมพ์ (SWAP AND LOCKED EXTRUDERS)
Top 10 Features : MakerBot Method 3D Printer ที่คุณไม่ควรพลาด

1.360° OF 100°C

สามารถคำนวณอุณหภูมิการให้ความร้อนได้

เครื่องพิมพ์ 3 มิติโดยทั่วไปจะมีการให้ความร้อนที่ Build plate เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมภายในของเครื่องและป้องกันการเสียรูปของชิ้นงาน โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะตรงบริเวณ Build plate ได้ดียิ่งขึ้น

MakerBot Method ได้รับการจดสิทธิบัตรในเรื่องของการคำนวณอุณหภูมิการให้ความร้อนแก่ Heated Chamber ชิ้นงาน โดยสามารถให้ความร้อนแก่ Build chamber ได้สูงถึง 100C อย่างรวดเร็ว เพื่อจัดเตรียมสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการขึ้นรูปชิ้นงานตั้งแต่ชั้นแรกไปจนถึงชั้นสุดท้าย ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือชิ้นงานที่ผลิตได้จะมีขนาดที่แม่นยำระดับอุตสาหกรรม    (ค่าความคลาดเคลื่อน+-177.8 µm)

2. TWO TOOLHEADS. INFINITE POSSIBILITIES.

สร้างสรรค์ชิ้นงานได้อย่างไม่จำกัดรูปแบบด้วย 2 หัวพิมพ์

หัวพิมพ์เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการขึ้นรูปชิ้นงานแบบ FDM ตามมาตรฐานการออกแบบระดับอุตสาหกรรมจาก Stratasys

หัวพิมพ์จาก MakerBot Method ถูกออกแบบขึ้นจากพื้นฐานความคิดแบบมืออาชีพ ด้วย Thermal core ที่ถูกทำให้ยาวขึ้น ช่วยให้คุณสามารถพิมพ์ชิ้นงานได้รวดเร็วมากขึ้น มาพร้อมกับ Dual drive gears ที่มีอัตราทดสูงถึง 19:1 ช่วยดึง Filament ได้อย่างแม่นยำ และชุด Sensor อัจฉริยะ ทำให้ MakerBot Method สามารถสร้างชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ

ด้วย 2 หัวพิมพ์ของ MakerBot Method ช่วยให้คุณสามารถผลิตชิ้นงานที่ใช้งานได้จริงอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วย Support ที่ละลายน้ำได้อย่าง PVA กับ SR-30 ไม่ว่าชิ้นงานนั้นจะซับซ้อนขนาดไหนก็ตาม 

3. THE ULTIMATE OPEN MATERIAL PLATFORM

ปลดล็อคข้อจำกัดของการใช้ Material ต่างประเภท

ABS หนึ่งใน Material ประเภท Polymer ที่ขึ้นชื่อเรื่องความยุ่งยากในการผลิตชิ้นงาน เนื่องจากเป็น Material ที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิขณะขึ้นรูปชิ้นงาน ซึ่งส่งผลให้ชิ้นงานมีโอกาสเกิดการหดตัวสูงมากถึง 2% เมื่ออุณหภูมิลดลง เครื่องพิมพ์ 3 มิติโดยทั่วไปใช้ Material  ABS ที่ถูกปรับแต่งใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือชิ้นงานมีความแข็งแรงและสามารถทนความร้อนได้ต่ำลง 

MakerBot Method สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของการพิมพ์ผ่านการการไหลเวียนของอากาศร้อน ซึ่งทำให้ MakerBot Method สามารถขึ้นรูปชิ้นงานได้อย่างสมจริง คุณภาพระดับอุตสาหกรรมที่เหนือกว่า ด้วย MakerBot Labs หัวพิมพ์แบบพิเศษ ทำให้คุณสามารถผลิตชิ้นงานได้ตั้งแต่ระดับ Polymers ไปจนถึง Composites อย่างเช่น ABS Carbon Fiber,PETG ESD และ PC-FR

4. BUILT-IN AUTO-CALIBRATION

ระบบ Calibrate อัตโนมัติสำหรับหัวพิมพ์คู่

หนึ่งในปัญหาเล็กๆของการทำงานแบบหัวพิมพ์คู่ คือ ความยุ่งยากในการ Calibrate หัวพิมพ์ด้วยตัวเอง แต่ MakerBot Method ช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามปัญหานี้ไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้คุณสามารถนำเวลาที่เหลือไปใส่ใจกับการออกแบบและหมดกังวลเรื่องการบำรุงรักษาอีกด้วย

5. DRY FILAMENT IN ANY ENVIRONMENT

ป้องกันความชื้นให้กับ Material ในทุกสภาพแวดล้อม

ช่องใส่ Material ถูกปิดผนึกอย่างดีและมีโหมดกำจัดความชื้นในตัว 

การผลิตชิ้นงาน 3D Printing หรือ Additive Manufacturing หากมีความชื้นเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลเสียต่อการขึ้นรูปชิ้นงานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน หรือความแม่นยำในการขึ้นรูปชิ้นงาน แต่กับ MakerBot Method ด้วยการปิดผนึกอย่างดีของช่องใส่วัสดุ อีกทั้งยังมีสารดูดความชื้นที่มาพร้อมกับ Smart Spool ทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่า Material ของคุณจะปราศจากความชื้นอย่างแน่นอน 

ด้วยโหมดกำจัดความชื้นของ MakerBot Method ทำให้คุณสามารถเปลี่ยน Material ใหม่อย่างง่ายดาย หมดกังวลเรื่องความชื้นที่อาจเกิดขึ้นขณะเปลี่ยน Material ส่งผลให้ชิ้นงานที่ผลิตออกมามีคุณภาพและแม่นยำในทุกที่ๆคุณต้องการ

6. AUTOLOADING FOR QUICK MATERIAL CHANGE

ระบบโหลด Material อัตโนมัติเพื่อการทำงานที่เร็วขึ้น

หนึ่งในปัญหาที่คุณมักพบบ่อยๆ ในการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ก็คือความยุ่งยากในการโหลด Material เข้าไปในตัวเครื่อง แต่ด้วยระบบโหลดอัตโนมัติของ MakerBot Method ที่คุณต้องทำก็มีเพียงแค่นำปลายของ Filament เสียบเข้าช่องโหลด Material และปิดฝาเท่านั้น Material ก็จะถูกโหลดไปสู่หัวพิมพ์ พร้อมใช้งานได้ในทันที

7.LESS FRAME FLEX

ลดการสั่นระหว่างทำงาน ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงสูง

ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง จะส่งผลให้ชิ้นงานมีขนาดที่แม่นยำ ด้วยโครงสร้างเหล็กหล่อและอลูมิเนียม ส่งผลต่ออายุการใช้งานให้กับทุกส่วนของเครื่องตั้งแต่ฐานจนถึงส่วนบนสุด

Top 10 Features : MakerBot Method ลดการสั่นระหว่างทำงาน ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงสูง

8. PRINT FROM ANYWHERE AT ANYTIME.

MakerBot Print และ MakerBot Cloud สั่งผลิตชิ้นงานจากที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้

MakerBot เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องพิมพ์ 3 มิติ แห่งแรกๆที่สร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อด้วย WiFi คุณสามารถติดตามการผลิตของชิ้นงานได้ผ่านกล้องและสามารถควบคุมการผลิตได้ในทุกที่คุณต้องการ ปัจจุบัน MakerBot Method คือ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ รุ่นแรกที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำเอาประโยชน์อย่าง การตรวจสอบปริมาณ Material แบบ Real-time การตรวจสอบความชื้น ปรับเปลี่ยน Material ตามความต้องการ และรองรับการใช้งานกับโปรแกรม CAD ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมโดยทั่วไปอย่าง SolidWorks , Autodesk หรือ OnShape ประโยชน์เหล่านี้ทำให้คุณสามารถเข้าถึงการทำงานได้ในระยะไกล ผ่านแอพพลิเคชั่น MakerBot Print และ MakerBot Cloud ไม่ว่าเครื่องพิมพ์ของคุณจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ตาม

9. PRECISION LEVELED WITH QUICK PART RELEASE

อีกขั้นของระดับความแม่นยำ ด้วยการนำชิ้นงานออกอย่างรวดเร็ว

พื้นผิวของ Build plate เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างชิ้นงานแบบ FDM ไม่ว่าคุณจะกำลังพิมพ์ Material ใดก็ตาม หากพื้นผิวของ Build plate ไม่เรียบ จะส่งผลให้ชิ้นงานที่ได้เสียรูป 

MakerBot Method ได้รวบรวมปัจจัยที่สร้างทางแก้ปัญหาอย่างมีเอกลัษณ์ 2 อย่างไว้ด้วยกัน อย่างแรกคือ Aluminun base plate ถูกสร้างขึ้นและถูกปรับให้เรียบที่สุดจากโรงงานผลิต และอย่างที่ 2 คือ Build plate ที่ถูกทำขึ้นจากเหล็กและมีความสามารถในการคืนรูปได้ โดย Build plate จะทำการส่งกระแสแม่เหล็กไปยัง Base plate ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความเรียบบนแผ่นฐานเท่านั้น แต่รวมถึงยังช่วยให้เราสามารถนำชิ้นงานที่ผลิตเสร็จแล้วออกมาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ยกถาดขึ้นและบิดที่ตัวถาด ชิ้นงานก็จะหลุดออกมา อีกทั้ง Build plate สามารถให้ความร้อนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ตลอดการผลิต

10. SWAP AND LOCKED EXTRUDERS

เปลี่ยนและล็อคหัวพิมพ์

MakerBot ถูกพัฒนาให้เป็นเจ้าแรกๆที่มีระบบการเปลี่ยนหัวพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ประเภท FDM ด้วยหัวพิมพ์อัจฉริยะ กับ MakerBot Method ด้วยหลักการนี้ทำให้ MakerBot ล้ำหน้าไปอีกขั้น จากความสามารถการเปลี่ยนหัวพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้สามารถหมดกังวลเรื่องการบำรุงรักษาและหัวพิมพ์ของ MakerBot Method ถูกล็อคอย่างดี ป้องกันการสั่นขณะทำงาน ส่งผลให้เกิดความแม่นยำในการสร้างชิ้นงาน

MakerBot Method จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองสำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่สามารถสร้างชิ้นงานระดับคุณภาพอุตสาหกรรม แต่อยู่ในราคาประมาณเครื่อง Desktop ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างความแม่นยำในการสร้างชิ้นงาน ที่จะทำให้คุณสามารถไว้วางใจได้ว่างานที่ออกมาจะตรงตามความต้องการอย่างแน่นอน อีกทั้งยังง่ายต่อการใช้งานอีกด้วย

เรียนรู้ MakerBot Method เพิ่มเติม

Ref          THE TOP 10 FEATURES OF MAKERBOT METHOD 3D PRINTER

Author     Duangporn N. & Patarapol L.


Photo of author
WRITTEN BY

duangporn