ครั้งก่อนผมเคยเขียนถึงประโยชน์ของ BIM ที่ทางหน่วยงานราชการจะได้ประโยชน์โดยเฉพาะเวลาร่าง TOR สามารถที่จะสื่อสาร ออกคุณสมบัติ ประเมินราคาได้ง่าย และถูกต้องกว่าการที่จะประเมินแบบขาดเทคโนโลยี BIM (สามารถติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่นี่) ซึ่งผมก็เห็นบางหน่วยงานเริ่มที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างจริงจัง เช่น การเคหะแห่งชาติ หรือ กคช. ได้เริ่มโดยร่วมมือกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ศึกษาวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสาธารณูปโภคภายในอาคาร โดยได้นำแบบจำลองสารสนเทศอาคารหรือ Building Information Modeling (BIM) มาใช้ในกรณีอาคารสำนักงานใหญ่ 16 ชั้น ซึ่งสามารถที่จะช่วยควบคุมการดำเนินการก่อสร้าง ทั้งทางด้านคุณภาพ เวลา และค่าใช้จ่าย ที่สำคัญเวลาในส่วนของงานเขียบแบบลดลงกว่า 30% ซึ่งโครงการดังกล่าวก็ถือว่าสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 แต่อย่างไรผมก็ยังไม่เห็นทิศทางหรือ Roadmap ที่ชัดเจนของ BIM ในประเทศไทยเหมือนอย่าง สิงคโปร์ หรือ อังกฤษ ประเทศที่เน้นการวางรากฐานระบบ BIM ชัดเจน โดยเฉพาะทางอังกฤษที่เริ่มเข้าสู่การพัฒนาไปอีกขั้น หรือที่เรียกว่า BIM Level 2 ( Building Information Modeling Level 2) ซึ่งจะเป็นมาตรฐานการออกแบบอาคารในประเทศอังกฤษที่เริ่มใช้ในปีที่แล้ว

หลายๆ ท่านอาจจะงงว่าแล้ว BIM Level ต่างๆ มันคืออะไร ผมจะอธิบายอย่างง่ายๆ นะครับ จริงมันคือมาตรฐานการเขียนแบบอาคาร โดยเริ่มต้นตั้งแต่

Level 0 ยังไม่เรียกว่าเป็น BIM นะครับ คือการเขียนแบบออกแบบอาคาร โดยใช้โปรแกรม 2D CAD ทั่วๆ ไปอย่าง AutoCAD หรือ GstarCAD ส่งแบบกระดาษกัน หรือส่งเป็นไฟล์งาน PDF ซึ่งผมว่าบางหน่วยงานในประเทศไทยเอง ยังไม่ถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ ยังมีการเขียบแบบโดยอาศัยมือหรือการ Sketch อยู่บ้าง

Level 1 ในระดับนี้จะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง 2D และ 3D อาจมีการเขียนแบบบางส่วนที่ใช้ 2D เนื่องจากความถนัด แต่ก็เริ่มมีการใช้งาน 3D บ้าง โดยเฉพาะการเขียบแบบโมเดลอาคาร เนื่องจากต้องการตรวจข้อมูลก่อนเพื่อความถูกต้อง ซึ่งการออกแบบเขียนแบบเป็น 3D จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่สุดท้ายก็ยังขาด Information ของอาคารอยู่ดี

Level 2 ระดับนี้ที่ทางประเทศอังกฤษจะถือว่าเป็น BIM เต็มตัว หรือ BIM level 2 แต่ยังคงเริ่มที่อาคารของทางหน่วยงานราชการก่อน ทุกภาคส่วนที่จะต้องทำงานร่วมกัน ในระบบ BIM และระบบ 3 มิติ เท่านั้น ซึ่งจะทำให้การทำงานของทุกๆ ภาคส่วนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนน้อยลง BIM Level 2 มีกุญแจหลักๆ สำคัญอยู่เพียง 3 ข้อเท่านั้นคือ

  1. ลดการส่งงานด้วยไฟล์ 2D หรือ PDF
  2. ออกแบบและเก็บข้อมูลรวมทั้งสื่อสารด้วยไฟล์ 3D เป็นหลัก
  3. Cobie Data (Construction Operations Building Information Exchange) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย BIM เป็นหลัก

Level 3 หรือ iBIM นี่ก็คือการยกระดับการทำงานโดยที่ทุกคนจะต้องทำงานร่วมกันพร้อมกันได้ (Collaborative Working) อาจจะทำงานผ่านระบบ Cloud ก็ได้

พอเราย้อนกลับมาดูที่บ้านเรากับนโยบาย Thailand 4.0 เราก็มองเห็นแต่การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เช่น การแพทย์, การเกษตร แต่สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ทางรัฐบาล อัดฉีดงบประมาณหลายแสนล้านบาท เข้าระบบโดยผ่านโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ยังไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เท่าไรนัก ลองนึกภาพเล่นๆ นะครับ ถ้าเราพัฒนาระบบการตรวจอาคารด้วยระบบ BIM เหมือนกับทางอังกฤษ หรือสิงคโปร์ อุตสาหกรรมการก่อสร้างเราจะโตแค่ไหน เม็ดเงินที่สูญเสียไปกับการก่อสร้างล่าช้า หรือการก่อสร้างผิดแบบก็ลดน้อยลง สามารถที่จะนำไปใช้พัฒนาด้านอื่นๆ ได้อีก การตรวจแบบก็จะง่ายขึ้น สำหรับเจ้าหน้าที่ไม่ต้องมาปวดหัววุ่นวายกับการอ่านแบบ 2D การประมาณราคาก็จะรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า BIM จะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในบ้านเราได้เมื่อไร เพราะดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้มีหน่วยงานใดที่จะรับผิดชอบหรือดูแลเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ฝากท่านผู้อ่านแล้วกันนะครับ ถ้ารัฐไม่เริ่มเราเริ่ม สักวันก็ต้องเปลี่ยนแปลง แล้วประโยชน์ที่ได้ก็จะกลับมาที่เราครับ ไม่ต้องเสียเวลามากมายกับการขออนุญาตต่างๆ เพราะมัวแต่ไปเสียเวลากับเรื่องแบบที่ยุ่งยากครับ

หากท่านใดที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง BIM หรืออยากทราบว่าหากต้องการเริ่มใช้ BIM ควรจะเริ่มอย่างไร BIM สามารถเข้ามาช่วยในการทำงานของท่านได้จริงหรือไม่ สามารถเข้ามาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.applicadthai.com/archicad/  หรือสอบถามคำแนะนำ โทร 02-744-9045


Photo of author
WRITTEN BY

Ichikung