สำหรับ บทความฉบับนี้เน้นเรื่องของงานวิเคราะห์ความแข็งแรงในแบบ Static ซึ่งปกติงานวิเคราะห์ความแข็งแรงจะใช้ทรัพยากรเครื่องข้องข้างสูงมาก โดยการใช้ทรัพยากรเครื่องจะอ้างอิงจากจำนวนของการสร้าง Mesh หากเราทำการสร้าง Model ที่มีขนาดไม่ใหญ่และนำไปทำการวิเคราะห์ ก็จะมีโอกาศที่จะสร้าง Mesh ในจำนวนน้อยลง ยกตัวอย่าง Model ง่ายๆ ดังนี้
ในการทำงานจริง จะมีแรง 100 lbf มากดบน Aluminum Profile ยาว 6 เมตร โดยมีการยึด Aluminum Profile เข้ากับกำแพงด้วย Screw และสุดท้ายต้องการทราบว่า Aluminum Profile จะทนแรงกด 100 lbf ได้หรือไม่ โดยมีขั้นตอนการ Set ค่าเพื่อการวิเคราะห์ดังนี้
1. กำหนดวัสดุ
2. Exclude Screw เนื่องจากสามารถใช้ Bolt ใน Connection แทน Screw ตำแหน่งต่างๆได้
3. กำหนดพื้นผิวจับยึด
4. กำหนด Connection แบบ No Penetration และ Bolt โดยมีตำแหน่งBolt ทั้งหมด 54 ตัว
5. กำหนดแรงกระทำ
6. Control Mesh ที่ Aluminum Profile ให้ Element size มีค่า 5 mm. และ Mesh ทั่วไปของทุก Model มี Global size 10 mm.
จากผลการเริ่มวิเคราะห์โดยไม่ได้มีการลดรูป Model ใช้เวลาในตีค่า Mesh ประมาณ 30-40 นาที ซึ่งในที่นี้ไม่รวมระยะเวลาในการวิเคราะห์ความแข็งแรงหลังจากการตีค่า Mesh แต่หากมีการลดรูป Model จะใช้เวลาในตีค่า Mesh ประมาณ 10-12 นาที ซึ่งในที่นี้ไม่รวมระยะเวลาในการวิเคราะห์ความแข็งแรงหลังจากการตีค่า Mesh และในความเป็นจริงก็จะใช้เวลาในการวิเคราะห์ความแข็งแรงได้เร็วขึ้นด้วย
ดังนั้นเราจะมาดูขั้นตอนวิธีการลดรูป Model กันครับ
1. สร้าง Sketch สี่เหลี่ยมแล้วใช้ Extrude Cut Feature ทำการตัด Model ออก จากเดิมยาว 6 เมตร ให้เหลือ 600 mm. โดยทำเหมือนกันทั้ง Aluminum Profile และกำแพง
2. กำหนดรายละเอียดการ Set ค่าต่างๆ เหมือนการวิเคราะห์ปกติ แต่ในส่วนแรงที่มากระทำ จะใส่แรงเพียง 10 lbf เท่านั้น เนื่องจากการลดขนาดของ Model ลงมา 10 เท่า (จาก 6 เมตรเหลือ 600 mm.)
และอีกส่วนหนึ่งคือ การกำหนด Bolt โดยมีตำแหน่ง Bolt จากเดิมทั้งหมด 54 ตัว เหลือเพียง 5 ตัว เนื่องจาก Screw ในตำแหน่งอื่นๆ อยู่ในตำแหน่งที่มีการลดรูปจึงถูกตัดออกไปหมด
เพียงแค่นี้ก็สามารถ Run ได้สมบูรณ์ และประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยครับ!!!
