Engage Your Visitors!

Click here to change this text. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

Article - 3DEXPERIENCE platform, Article Mi, Articles, People Talks

ออกแบบเพื่อความยั่งยืน: สู่ Circular Economy ในงานวิศวกรรม – Part 2

circular economy part2 cover

ออกแบบเพื่อความยั่งยืน ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือทิศทางใหม่ของโลกที่นักออกแบบและวิศวกรต้องก้าวให้ทัน Circular Design คือแนวคิดที่เปลี่ยนวิธีคิดการออกแบบจาก ‘ใช้แล้วทิ้ง’ ไปสู่ ‘ใช้ซ้ำ ซ่อมได้ รีไซเคิลง่าย’ เพื่อช่วยลดคาร์บอน ลดขยะ และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตในโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

Circular Design คืออะไร?

Circular Design = ออกแบบเพื่อหมุนเวียน ไม่ใช่เพื่อทิ้ง

ภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ หลุมฝังกลบขยะล้น และทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัด ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ (Climate neutrality) เกี่ยวข้องกับการบรรลุถึงสถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากมนุษย์ถูกชดเชยด้วยการดูดซับตามธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราต้องนำแนวทางปฏิบัติที่เป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศมาใช้กับหมวดหมู่การปล่อยคาร์บอน (Carbon Emission) ทั้งหมดใน Value Chain หรือ ห่วงโซ่คุณค่าของเรา ทำให้วิศวกรต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบมากขึ้นกว่าที่เคย ในฐานะวิศวกรที่ใส่ใจมีโอกาสและอาจมีความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้มระดับโลกเหล่านี้ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี ตลอดจนวิธีการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยต้องเปลี่ยนแนวทางดำเนินการออกแบบจากเศรษฐกิจเชิงเส้น (Linear Economy) ไปเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่าน การออกแบบแบบหมุนเวียน หรือ Circular Design

สามารถอ่านบทความ ออกแบบเพื่อความยั่งยืน: สู่ Circular Economy ในงานวิศวกรรม Part 1 ได้ที่ Link

circular economy

ขอบคุณภาพจาก : 2lians

เศรษฐกิจหมุนเวียนแตกต่างจากเศรษฐกิจเชิงเส้นอย่างชัดเจน โดยเศรษฐกิจเชิงเส้นเป็นระบบการผลิตและบริโภคแบบเดิมที่เน้นการใช้วัตถุดิบและพลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตสินค้าให้ได้มากที่สุด ส่งเสริมการบริโภคในปริมาณมาก และสุดท้ายก่อให้เกิดขยะในปริมาณมหาศาล ในทางกลับกัน เศรษฐกิจหมุนเวียน เป้าหมายหลักคือการกำจัดของเสียออกจากระบบ มุ่งลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยที่สุดหรือยกเว้นการใช้ ลดความต้องการพลังงานในการผลิตและจัดจำหน่าย เน้นการออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีวงจรชีวิตที่ยาวนานขึ้น ยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือมีวงจรการใช้งานหลายครั้ง ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การแบ่งปัน การให้เช่า การซ่อมแซม การนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิลได้ วิธีการนี้ช่วยชะลอการใช้วัตถุดิบใหม่และลดอัตราการเพิ่มขึ้นของขยะ

ออกแบบเพื่อความยั่งยืน จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังวางแผนเพื่อการใช้งานซ้ำ ถอดประกอบง่าย ซ่อมแซมได้ และคืนกลับสู่ระบบโดยไม่กลายเป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดของเสียและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

Cycle of consideration

การออกแบบแบบหมุนเวียน (Circular Design) คือแนวทางการนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในขั้นตอนการออกแบบอย่างครบวงจรโดยคำนึงถึงภาพรวมการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบการจัดการ สร้างสรรค์นวัตกรรมที่คิดนอกกรอบซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขจัดของเสียและมลภาวะ ฟื้นฟูระบบธรรมชาติ และรักษาผลิตภัณฑ์และวัสดุให้ใช้งานได้นานที่สุด การคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้จะนำไปสู่โซลูชันการออกแบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม บทบาทของวิศวกรผู้ออกแบบมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนผ่านจากการออกแบบตามเศรษฐกิจเชิงเส้นไปสู่การออกแบบแบบหมุนเวียนไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ทุกอย่างเริ่มต้นในขั้นตอนการออกแบบ

การพิจารณาเศรษฐกิจหมุนเวียนในช่วงเริ่มต้นของการออกแบบถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยคาดว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกกำหนดขึ้นในช่วงการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้วัสดุและวิธีการผลิตด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อออกแบบชิ้นส่วนพลาสติก จะเป็นขั้นตอนการออกแบบที่คุณสามารถลดความหนาของผนังชิ้นส่วนได้ง่ายที่สุดโดยยังคงตรงตามข้อกำหนดของการใช้งาน ส่งผลให้ลดการใช้วัตถุดิบ ลดความต้องการด้านพลังงานในการผลิต และออกแบบโดยลดของเสีย (Designing out waste) และลดมลภาวะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Carbon Emission) นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบชิ้นส่วนสำหรับกระบวนการผลิตเพื่อปรับปรุงคุณภาพชิ้นส่วน กำจัดข้อบกพร่องในการผลิต ลดอัตราเศษวัสดุจากการผลิต และยืดอายุการใช้งานที่เป็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์

ปัจจุบัน แพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุนนโยบายและการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาลในองค์กร หรือ Environment Social and Governance – ESG ซึ่งการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนนั้น เทคโนโลยีต้องสนับสนุนแนวคิดและสอดรับกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร รวมถึงต้องตอบโจทย์ทางธุรกิจอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • การใช้ซอฟต์แวร์ในกระบวนการทำงาน สามารถช่วยลดการใช้พลังงานและพื้นที่การจัดเก็บ เช่น Energy Management Software – EMS ที่ใช้ในการควบคุมให้การผลิต การส่งพลังงาน รวมถึงให้การใช้พลังงานนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุดที่เข้ามาช่วยวัดและจัดเก็บการใช้พลังงานภายในองค์กร ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการประหยัดพลังงาน การลดใช้พลังงาน รวมถึงติดตามและดำเนินการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
  • การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถเข้าถึง Insight ของกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ ทำให้บริษัทผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการเฉพาะ ลดความสูญเสียและต้นทุนให้บริษัท
  • แพลตฟอร์มแบบศูนย์รวมที่นักออกแบบและเพื่อนร่วมงานสามารถเชื่อมต่อ สร้างสรรค์ และสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกันได้อย่างราบรื่น
3DEXPERIENCE platform

ขอบคุณภาพจาก : solidworks

เปลี่ยนแนวคิดเป็นนวัตกรรมที่ยั่งยืนด้วย 3DEXPERIENCE

ลองจินตนาการถึงพื้นที่เสมือนจริงที่ทีมนักออกแบบ และวิศวกรอุตสาหกรรม ตลอดจนระบบนิเวศ (Ecosystem) สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ปลดปล่อยจินตนาการ และสร้างสรรค์ไอเดียให้เป็นจริง เพื่อนำนวัตกรรมที่ยั่งยืนมาสู่ชีวิต นั่นคือสิ่งที่ SOLIDWORKS กับแพลตฟอร์ม 3D EXPERIENCE มอบให้ โดยชี้ไปที่บทบาท ‘Collaborative Designer for SOLIDWORKS’ ซึ่งเชื่อมต่อผู้ใช้ CAD กับแพลตฟอร์มทำให้ทุกคนในทีมออกแบบและเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งจินตนาการ การสร้างผลิตภัณฑ์ วัสดุ บริการ และกระบวนการห่วงโซ่อุปทานที่เป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศมากขึ้น 

3DEXPERIENCE Platform มีแอปพลิเคชันการออกแบบที่ทรงพลังและใช้งานง่ายมากสำหรับการออกแบบ 3D CAD ที่สวยงาม รูปทรงที่เป็นธรรมชาติ การใช้เครื่องมือ / ซอฟต์แวร์การประเมินวงจรชีวิต (LCA : Lifecycle Assessment) และวิธีการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ทีมของคุณลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยประสานช่องว่างระหว่างกระบวนการออกแบบและการผลิต ด้วยการจำลองในระหว่างขั้นตอนการออกแบบ ยังช่วยเร่งนวัตกรรมโดยใช้การจำลองแบบมีไกด์เพื่อประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพของการออกแบบปัจจุบัน ทำให้วิศวกร นักออกแบบ และผู้สนับสนุนสามารถจินตนาการ กำหนด ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ และทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ง่ายดาย ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกโซลูชันที่ดีที่สุด ที่สมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE

บทบาทของการประเมินวงจรชีวิตเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero

Lifecycle Assessment : LCA หรือการประเมินวงจรชีวิต บนแพลตฟอร์มของการทำงานร่วมกันอย่าง 3D EXPERIENCE® Platform ทำมากกว่าการวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นมาตรฐานได้ เนื่องจากข้อมูลสามารถแชร์ได้อย่างง่ายดายในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ บริษัทต่างๆ มีความพยายามในความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality หรือ Carbon Neutral) ให้เหมาะสมได้ตลอดทั้งเครือข่ายธุรกิจทั้งหมด การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลขั้นสูงช่วยให้บริษัทต่างๆ บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ ไม่เพียงแต่การวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบของการตัดสินใจในอนาคตด้วย ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net-Zero) ทั้งภายในและนอกเหนือการดำเนินงานของตนเอง

LCA ไม่ใช่แค่เครื่องมือชี้วัดเท่านั้น แต่ยังเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในการแสวงหาการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero carbon emissions) บริษัทต่างๆ ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จะต้องระบุและลดการปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และบริการของตน ตั้งแต่การจัดหาแหล่งวัตถุดิบไปจนถึงการกำจัดเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน LCA มอบข้อมูลเชิงลึกที่ดำเนินการได้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น การศึกษา LCA สามารถช่วยให้ธุรกิจเปรียบเทียบประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมของการรีไซเคิลวัสดุกับการจัดหาวัสดุใหม่ได้ โดยการใช้ข้อมูลเชิงลึกของ LCA บริษัทต่างๆ สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น มีโมดูลาร์เพื่อการซ่อมแซมที่ง่ายขึ้น และวัสดุที่รีไซเคิลได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการหมุนเวียน

การใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ LCA ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุพื้นที่ที่มีผลกระทบสูง เช่น กระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานมากหรือเส้นทางการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำการเปลี่ยนแปลงที่ตรงเป้าหมายมาใช้ได้ เช่น การนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาใช้ การปรับปรุงกระบวนการขนส่ง หรือการลงทุนในวัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้น

sustain

  • Reduced Carbon Footprint ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ Carbon Emission ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ลดปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิต หรือบริการ เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
  • Decreased Overall Waste ปริมาณขยะโดยรวมลดลง เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากรนำไปสู่การลดของเสีย
  • Optimized Energy Consumption การใช้พลังงานอย่างเหมาะสม ประเมินและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงปลายอายุการใช้งาน
  • Lower Costs with Virtual Twins ลดต้นทุนด้วย Virtual Twins ลดต้นทุนการทดสอบและการสร้างต้นแบบเมื่อสร้างทางเลือกการออกแบบที่ยั่งยืนและเป็นไปตามข้อกำหนดมากขึ้น
  • Enhanced Brand Reputation เพิ่มชื่อเสียงให้กับแบรนด์ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมทั้งตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

บทสรุป

การลดการปล่อยคาร์บอนมีเป้าหมายเพื่อสร้างเศรษฐกิจโลกที่ปลอดคาร์บอนผ่านการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าอย่างมีเป้าหมาย และด้วยเทคโนโลยี เทคนิคการลดการปล่อยคาร์บอนครอบคลุมถึงวิธีแก้ปัญหาต่างๆ เช่น การออกแบบแบบหมุนเวียน เชื้อเพลิงทางเลือก พลังงานหมุนเวียน โครงการชดเชยคาร์บอน กระบวนการประเมินวงจรชีวิต และแนวทางปฏิบัติด้านการทำงานที่ยั่งยืน ทั้งนี้การลดการปล่อยคาร์บอนในธุรกิจของคุณไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดียว ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างมาก และเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนการต่างๆ มากมาย ตลอดจนการทำงานร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาดทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม จึงต้องใช้การผสานรวมโซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำที่สามารถให้มุมมองที่ครอบคลุมและสมจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร และธุรกิจของคุณ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนให้กับการพัฒนา การผลิต และการใช้งานผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกใบนี้อีกด้วย

บมจ. แอพพลิแคด ไม่เพียงแต่มอบโซลูชันเทคโนโลยีที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าเท่านั้น ด้วย 3DEXPERIENCE® SOLIDWORKS Carbon Emission (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 095-365-6871 หรือขอสาธิตการใช้งาน, ทดลองใช้ซอฟแวร์ฟรี คลิกSOLIDWORKS) แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอีกด้วย ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงผลกระทบของแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการของเรา รักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจและการตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านกลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยความยั่งยืน