สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ขยายระยะเวลาและปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุน 4 มาตรการสำคัญที่จะสิ้นสุดในปี 2567 ได้แก่
- มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม (Retention and Expansion Program)
- มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร (Relocation Program)
- มาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยให้ขยายเวลาทั้ง 4 มาตรการถึงสิ้นปี 2568 และได้ปรับปรุงเงื่อนไขของมาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนจริงขั้นต่ำจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจึงได้ปรับปรุงนโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต รวมทั้งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายการพัฒนาภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการของประเทศ เพื่อให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขัน และมีการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวตลอดจนเพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งบริษัทใหญ่ระดับโลกและผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโอกาสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในทุกระดับได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
เป้าหมายโครงการส่งเสริมการลงทุน เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่
- Innovative : เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์
- Competitive : เป็นเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสามารถปรับตัวได้เร็ว และสร้างการเติบโตสูง
- Inclusive :เป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมรวมทั้งการสร้างโอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ในบทความนี้จะเน้นเรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์นำระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ (Automation and Robotics) มาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสำหรับการผลิตรถยนต์ ทั้งแบบสันดาปภายใน ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด ครอบคลุมทั้งกิจการเดิมและการลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นฐานผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ นำไปสู่การยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมย
านยนต์ของประเทศโดยรวม โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในวงเงินร้อยละ 50 ของเงินลงทุนในระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ และในกรณีที่โครงการใช้เครื่องจักรระบบอัตโนมัติในประเทศ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ให้ได้รับ ยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคลในวงเงินร้อยละ 100 ของเงินลงทุนในระบบดังกล่าว ทั้งนี้ได้มีการขยายระยะเวลายื่นขอรับการส่งเสริมไปถึงสิ้นปี 2568
ทั้งนี้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนถือเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนและเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในด้านการส่งออก การจ้างงาน และจำนวนผู้ผลิตในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และอันดับ 10 ของโลก โดยรถยนต์และชิ้นส่วนถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี มีผู้ผลิตที่อยู่ในซัพพลายเชนกว่า 2,300 ราย และมีการจ้างงาน 8 – 9 แสนคน การยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถแข่งขันได้ หรือสามารถขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ชิ้นส่วนอากาศยาน เครื่องมือแพทย์ เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในอนาคต ซึ่งขณะนี้อุตสาหกรรมไทยกำลังก้าวสู่ช่วงเวลาสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่
การใช้ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ (Automation and Robotics) ช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนสามารถเร่งการผลิต ลดต้นทุน ลดเวลาในการผลิตปรับปรุงคุณภาพ และป้องกันการบาดเจ็บอันตรายของพนักงานในสถานที่ทำงาน หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน หรือโคบอทส์ (Cobots) ได้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตยานยนต์ เนื่องจาก COBOT ถูกออกแบบขึ้นให้ทำหน้าที่ปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างใกล้ชิดและปลอดภัยในภาคอุตสาหกรรม ถึงแม้อุตสาหกรรมรถยนต์จะมีความเป็นอัตโนมัติสูงแต่ก็ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก และโคบอทส์ (Cobots) กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพรูปแบบใหม่ภายในอุตสาหกรรมด้วยการใช้งานต่างๆ เช่น การป้อนงานให้เครื่องจักร การตรวจสอบ และการประกอบชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อน อิเล็กทรอนิกส์ การลงสี และการตกแต่งภายใน ด้วยความเป็นหุ่นยนต์ที่ผนวกคุณสมบัติด้านความแม่นยำ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถทำงานซ้ำๆ เข้ากับทักษะในการแก้ปัญหาที่ไม่ชัดเจนของมนุษย์ และบรรเทาแรงงานจากงานที่ต้องใช้กำลังมาก โคบอทส์ (Cobots) สามารถทำงานเคียงข้างใกล้ชิดกับมนุษย์ ช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตและความสม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยให้พนักงานทำงานในกระบวนการต่างๆ ในสายการผลิตได้มากขึ้นในพื้นที่การทำงานเดียวกัน ผู้ผลิตสามารถปลดปล่อยพนักงานจากงานที่น่าเบื่อ สกปรก และอันตรายได้ นอกจากนี้ ยังพร้อมทำงานทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน โดยไม่มีวันหยุด
ขอบข่ายประเภทกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน
- ประเภทกิจการ 3.6 กิจการผลิตยานยนต์ทั่วไป
- ประเภทกิจการ 3.8 กิจการผลิตรถไฟฟ้า Batter Electric Vehicle(BEV), Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicle (HEV) และแพลตฟอร์มสำหรับรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV Platform) (เฉพาะกิจการผลิต Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV), Hybrid Electric Vehicel (HEV))
เงื่อนไขในการขอรับการส่งเสริมการลงทุน | ||
---|---|---|
✓ กิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม ไม่ว่าจะได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่ก็ตาม ✓ โครงการลงทุนใหม่ | ||
กรณีเป็นโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิม | บริษัทสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ได้ เมื่อสิทธิประโยชน์การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นสิ้นสุดลงแล้ว หรือเป็นโครงการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล | |
ขนาดการลงทุน | เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน | |
แผนการลงทุน | บริษัทต้องเสนอแผนการลงทุนเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์ที่จะนำมาใช้ในการสนับสนุนการผลิตในโครงการตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานกำหนด | |
แผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ | บริษัทต้องเสนอแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีที่มุ่งสู่ความสะอาด ประหยัดพลังงาน ปลอดภัย การขับเคลื่อนอัจฉริยะ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เหมาะสม | |
การนับมูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในโครงการ | นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์เต็มจำนวน | |
นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศ และการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center แบ่งเป็น 2 กรณี ดังต่อไปนี้ | ||
กรณีที่ 1: นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน สำหรับรายการ ดังนี้การใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือระบบสารสนเทศที่ต้องทำงานร่วมกับเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ เพื่อการสั่งงานและควบคุม การทำงานตลอดจนการสนับสนุนระบบการผลิตการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) Machine Learning การนำ Big Data มาใช้หรือการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)การใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรม หรือระบบสารสนเทศ ในการบริหารจัดการองค์กร เฉพาะส่วนที่พัฒนาหรือปรับปรุงโดยผู้ประกอบการในประเทศไทยซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center ในประเทศไทย | กรณีที่ 2: นับเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรายการ ดังนี้การใช้ซอฟต์แวร์ โปรแกรม หรือระบบสารสนเทศ ในการบริหารจัดการองค์กร เฉพาะส่วนที่พัฒนาหรือปรับปรุงโดยผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือโดยผู้ประกอบการในต่างประเทศการเช่า/ใช้บริการ Cloud หรือ Data Center ในต่างประเทศ |
เงื่อนไขในการขอรับการส่งเสริมการลงทุน | ||
---|---|---|
1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี สัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินลงทุนในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) | กรณีกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม | กรณีเป็นโครงการลงทุนใหม่ |
ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม โดยระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้นับจากวันที่มีรายได้ภายหลังได้รับบัตรส่งเสริม | หากมีการใช้เครื่องจักรที่มีการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติในประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าเครื่องจักรที่มีการปรับเปลี่ยนหรือมูลค่าเครื่องจักรทั้งหมด ให้ได้รับ ยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วน ร้อยละ 100 ของเงินลงทุนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน | |
2. ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร |
ต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2568 และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม
นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสนับสนุนให้ฟื้นฟูธุรกิจได้โดยเร็ว โดยจะยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย รวมถึงอนุญาตให้ตัดบัญชีเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ได้รับความเสียหายหรือสูญหายจากน้ำท่วม โดยไม่มีภาระภาษีอากร โดยต้องยื่นเอกสารเข้ามาที่บีโอไอภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ออกประกาศ หรือหากเป็นกรณีประสบอุทกภัยหลังวันที่ออกประกาศ ให้ยื่นเอกสารภายใน 6 เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดสถานการณ์อุทกภัย
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการลงทุนอย่างแท้จริง และเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยในการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยในปี 2567 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีจำนวน 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน “นับว่าเป็นยอดจำนวนโครงการที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง BOI และมีมูลค่าเงินลงทุน 1,138,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% สูงสุดในรอบ 10 ปี” โดยเป็นมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 102,366 ล้านบาท 309 โครงการ ประกอบด้วยโครงการลงทุนผลิตรถยนต์ EV และ ICE โดยค่ายญี่ปุ่น จีน และยุโรป การผลิตยางล้อรถยนต์ ยางล้ออากาศยาน ระบบอัจฉริยะในรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ สำหรับสถิติการออกบัตรส่งเสริม หลังจากที่บีโอไอ อนุมัติโครงการแล้ว บริษัทต้องมายื่นเอกสารด้านการเงินและการจัดตั้งบริษัทเพื่อออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด โดยในปี 2567 มีการออกบัตรส่งเสริมจำนวน 2,678 โครงการ เพิ่มขึ้น 47% เงินลงทุน 846,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% เป็นสัญญาณที่ดีว่าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินลงทุนจริงจำนวนมากเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ
สำหรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนในปี 2568 บีโอไอจะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว รวมถึงกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarters) ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ
นอกจากบทบาทหลักของสำนักงานแล้ว บีโอไอยังมีภารกิจสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ของรัฐบาล ผ่านบอร์ดระดับชาติ 2 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) และคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ซึ่งจะผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงของทั้งสองอุตสาหกรรมนี้ ทั้งด้านการจัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรม การกำหนดมาตรการสนับสนุน การพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการลงทุน รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมระดับโลก โดยบีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ การรับช่วงการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ผ่านการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน SUBCON Thailand กิจกรรม
8 ขั้นตอนการขอ BOI
- ศึกษาข้อมูล – นักลงทุนที่สนใจขอรับการส่งเสริมการลงทุนรายละเอียดเบื้องต้นและขอรับคำขอได้ 2 ช่องทาง
- บีโอไอ ส่วนกลาง ภูมิภาค หรือสำนักงานต่างประเทศ
- www.boi.go.th
- ยื่นขอรับการรส่งเสริมการลงทุน – ผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ประกอบกิจการตามประเภทที่ BOI ให้การส่งเสริมการลงทุน โดยยื่นเอกสารผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น
- ผ่านระบบ e-Investment Promotion ทาง www.boi.go.th ยกเว้น
- ส่งเสริมการลงทุนเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพทางการผลิต
- ส่งเสริมการลงทุนเพื่อโอนกิจการ
- ส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม
- ผ่านระบบ e-Investment Promotion ทาง www.boi.go.th ยกเว้น
- ชี้แจงโครงการ – นัดหมายเจ้าหน้าที่ BOI ผู้รับผิดชอบโครงกร เพื่อชี้แจงโครงการภายใน 10 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ยื่นขอ
- วิเคราะห์โครงการ – เจ้าหน้าที่ BOI ดำเนินการวิเคราะห์โครงการโดยใช้ระยะเวลาพิจารณาตามขนาดการลงทุน
- ลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท พิจารณาภายใน 40 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่เอกสารครบถ้วน
- ลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท พิจารณาภายใน 60 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่เอกสารครบถ้วน
- ลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท พิจารณาภายใน 90 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่เอกสารครบถ้วน
- แจ้งผลการพิจารณา – BOI แจ้งผลพิจารณาภายใน 7 วัน นับจากวันที่รับรองรายงานการประชุม
- ตอบรับมติการส่งเสริมการลงทุน – ผู้รอรับการส่งเสริมการลงทุนต้องตอบรับภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้งมติ ได้ 2 ช่องทาง
- กรอกแบบฟอร์มผ่านระบบ Promotion Certificate System ทาง www.boi.go.th
- ยื่นแบบตอบรับมติการส่งเสริมการลงทุน ตามแบบฟอร์ม F GA CT 07
- ขอรับบัตรส่งเสริม – ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริม พร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณา ภายใน 6 เดือน ได้ 2 ช่องทาง
- กรอกแบบฟอร์มผ่านระบบ Promotion Certificate System ทาง www.boi.go.th
- กรอกแบบประกอบการขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุน ตามแบบฟอร์ม F GA CT 08 พร้อมยื่นเอกสารหลักฐานประกอบการออกบัตร
- ออกบัตรส่งเสริม – BOI ออกบัตรส่งเสริมภายใน 10 วันทำการ นับจากวันที่สำนักงานได้รับแบบฟอร์มขอรับบัตรส่งเสริมและหลักฐานครบถ้วน

ขอบคุณข้อมูลจาก : ∙สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
สรุป
การนำบริษัทหรือกิจการสมัครเข้ารับขอการส่งเสริมจากบีโอไอนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ที่สำคัญคือต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ ทั้งในด้านการตรวจสอบเงื่อนไขว่ากิจการของท่านตรงกับเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามคู่มือยื่นคำขอ และหากกิจการของท่านตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดการขอรับการสนับสนุนจากบีโอไอจะช่วยให้กิจการของท่านได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ ช่วยลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ช่วยสร้างโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถขอรับการส่งเสริมตามมาตรการดังกล่าว โดยเสนอแผนลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมหรือเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร หรือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การขอรับรองมาตรฐานในอุตสาหกรรมใหม่ การอบรมบุคลากรด้านเทคโนโลยีหรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับอุตสาหกรรม เป็นต้น วงเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และ ยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วน 50% ของเงินลงทุน โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ได้รับบัตรส่งเสริม ซึ่งต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2568
หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือลงทุนในเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ ซอฟต์แวร์ โปรแกรม ระบบสารสนเทศที่ต้องทำงานร่วมกับเครื่องจักร หรือบริการจาก บมจ.แอพพลิแคด ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านงานออกแบบอุตสาหกรรมครบวงจร ทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ 3D Printer พร้อมบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยนำระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ (Automation and Robotics) มาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คุณสามารถติดต่อเราได้ที่ 095-365-6871 หรือ คลิกอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์จาก Link ด้านล่าง
เรามีผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่