เปิดโอกาสผู้ประกอบการไทยเตรียมตัวให้พร้อม ลงทุนเครื่องจักรปีนี้หักภาษีได้มากถึง 2.5 เท่า!!!!
ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่คิดมีแผนลงทุนแต่ยังไม่มั่นใจ กำลังตัดสินใจอยู่..อย่ารอช้า..เพราะถ้าคุณลงทุนในปีนี้สามารถนำมาหักภาษีได้ ถึงเวลากระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นฟูขึ้น สรรพากรเตรียมออกกฎหมายสนองมาตรการ การเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุน ในประเทศปี 2563 หลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีฯ ที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ผู้ประกอบการนำรายจ่ายลงทุนในเครื่องจักรมาหักภาษีได้มากถึง 2.5 เท่า
กระตุ้นภาษีเมื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ และติดตั้งใช้งานในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น เมื่อบริษัทฯ หรือห้างร้าน ซื้อเครื่องจักรในราคา 1,000,000 บาท มีอายุการใช้งาน 5 ปี
โดยแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 จำนวน 1.5 เท่า (ของรายจ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริง) เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
1,000,000 x1.5 = ผลลัพธ์ 1,500,000 บาท
ทางบริษัทฯ สามารถนำไปเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษี ในการคำนวณภาษีสิ้นปี (แบบภงด.50) เป็นรายการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หักเพิ่มได้ 1,500,000 บาท
ส่วนที่ 2 จำนวน 1 เท่า เป็นการหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคา ทั้งนี้ไม่รวมถึงกรณีที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการให้เช่า แบบลีสซิ่ง และลงทุนในเครื่องจักร เพื่อให้เช่าเครื่องจักรนั้นแบบลีสซิ่ง)
1,000,000 x20% ต่อปี ผลลัพธ์ 200,000 บาท (หักได้ 5 ปี เนื่องจากมีการกำหนดอายุใช้งานไว้ 5 ปี)
เครื่องจักรมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกอบดังต่อไปนี้
1.ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
2.หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้ และอยู่ในสภาพพร้อมใช้การได้ภายใน 31 ธันวาคม 2563
3.อยู่ในราชอาณาจักร
4.ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ฉบับอื่น ๆ
มาตรการเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563 ส่งผลก่อให้เกิดการลงทุนกว่า 110,000 ล้านบาท สนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 0.25 เพื่อผู้ประกอบการในไทยเติบโต และพัฒนาพร้อมทั้งปรับปรุงการผลิตสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นยิ่งขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาช่วยเพิ่มศักยภาพยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่ง และยกระดับกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในกำลังการผลิตที่สำคัญอย่างเครื่องพิมพ์สามมิติ หรือ 3D Printer ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการส่งเสริม และเพิ่มประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยประกอบกับความสามารถในการปริ้นท์ที่หลากหลาย ช่วยตอบโจทย์ความต้องการในตลาดไม่ว่าจะเป็นเครื่องปริ้นท์เหล็ก (Desktop Metal) ที่สามารถปริ้นท์ชิ้นงานโลหะที่มีความคงทนและแข็งแรง ใช้งานทดแทนชิ้นงานจริงได้ ไม่จำเป็นต้องมีแม่พิมพ์ ที่สำคัญตัวเครื่องเหมาะกับอุตสาหกรรมในบ้านเราด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ได้รับการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยที่สามารถทำงานร่วมกันกับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
นอกจากเครื่องปริ้นท์เหล็กอย่าง Desktop Metal แล้วยังมีเทคโนโลยีการขึ้นรูปชิ้นงานแบบ Additive Manufacturing จากแบรนด์ Stratasys ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน และเป็นผู้นำในตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับทุกความต้องการ ตั้งแต่งานต้นแบบ (Prototype) จนถึงกระบวนการผลิต (Production) ในอุตสาหกรรม
สำหรับท่านที่สนใจเครื่องพิมพ์สามมิติ หรือ 3D Printer สามารถสอบถามและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 02-744-9045 ต่อ 411 หรือ www.applicadthai.com
แหล่งข้อมูล : สรรพากร , Businesstoday