ArchiCAD เป็น Program ในระบบ BIM (Building Information Modeling) โดยข้อดีของการทำงานระบบ BIM คือการทำงานแบบได้ทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ รวมไปถึงการทำแบบ ซึ่งสามารถทำแบบสถาปัตยกรรม, แบบโครงสร้าง, แบบตกแต่งภายใน, แบบฝ้า เพดาน และแบบอื่นๆ ได้ ในไฟล์งานเดียวกัน ซึ่งหากแก้ไขเพียงส่วนเดียวแบบทั้งหมดจะอัพเดทอัตโนมัติ พร้อมๆ กัน ซึ่งลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนแล้วยังทำให้การทำงานร่วมกันดีมากยิ่งขึ้น
แบบขออนุญาตทั่วไปจำเป็นต้องมีทั้งแบบสถาปัตยกรรมและแบบโครงสร้าง ซึ่ง Tips & Tricks ในหัวข้อนี้จะเสนอ ขั้นตอนการทำแบบขออนุญาตให้จบได้เลย ก่อนทำการเขียนงานต้องทำการตั้งค่าและรูปแบบของแบบที่ต้องใช้งานก่อน
1.การตั้งค่า Layer
- Options > Element Attributes > Layer Setting (Model Views) หรือ Shot Key (Ctrl+L)
A. Layer Combinations คือกลุ่มหลักของการแยกประเภทของงาน เช่น กลุ่มงานสถาปัตยกรรม และกลุ่มงานโครงสร้าง การสร้างกลุ่มให้ให้เลือก New ข้างล่างหมายเลข
B. Layer คือกลุ่มย่อยของการแยกประเภทแบบ เช่น แบบสถาปัตยกรรม มี Layer ชื่อผนังและพื้นงานโครงสร้างมี Layer ชื่อคานและเสา การสร้างชื่อ Layer ให้กด New ปุ่มบนด้านขวาใกล้กับคำว่า Show All ดังตัวอย่างข้างล่าง
ตัวอย่างการสร้างกลุ่ม Layer และชื่อ Layer
- การเลือกเปิดปิดตากลุ่ม Layer เพื่อสามารถกำหนดได้ว่าชื่อ Layer งานไหนให้ Show ที่กลุ่มงานแบบชุดไหนได้
A. เลือกสัญลักษณ์รูปตาเพื่อเปิดหรือปิด Layer
B. เลือกกลุ่มงานแบบแล้วเลือกเปิดหรือปิดตา
C. ทำการกด Update กลุ่มแบบ 1 ครั้งเพื่อให้การเลือกเกิดผล และก็ทำแบบเดิมที่งานอีกกลุ่มโดยสลับกับเปิดและปิด
2. วิธีการเปลี่ยน Layer ให้ตรงกับชื่อที่ตั้งไว้
วิธีการเปลี่ยนชื่อ Layer สามารถใช้วิธีการเปลี่ยนแบบเดียวกันได้หมด ดังนั้นเลือกก่อนใช้งานเพื่อการแสดงผลจะได้ตรงกับชื่อ Layer ที่ได้ตั้งไว้
- เลือกคำสั่ง Wall > เลือก Layer ในกล่องเครื่องมือ Info Box > เลือก ชื่อ ที่ต้องการเปลี่ยน (ตัวอย่างชื่อ งานผนัง)
3. การ Set Model View
Model View คือการตั้งค่ากลุ่มของการแสดงผลต่างของของแบบ เช่น สัญลักษณ์ ประตู, ลายพื้น, รูปแบบของผนังในงานต่างๆ เพื่อให้การแสดงผลของแต่ละแบบแตกต่างกันออกไป เช่น แบบสถาปัตยกรรม มีการ Show Hatch Line ของพื้น แต่ในส่วนงานโครงสร้าง No Show Hatch Line ของพื้น
- เลือก Document > Set Model View > Model View Options
- Options for Construction Elements คือ การตั้งค่ารูปแบบของคาน, เสา, ประตู โดยสามารถเลือกได้ว่า ต้องการให้การแสดงผลในแบบชุดนั้นๆ เป็นแบบไหน
- Override Fill Display คือ การแสดง Hatch ของงานต่างๆ
- Detail Level of Door, Window and Skylight Symbols คืองานแสดงรูปแบบของ ประตูและหน้าต่าง ในรูปแบบรายละเอียดการแสดงผล
- Miscellaneous Setting for Library Party คือการจัดรูปแบบ สีและเส้นของ 2 มิติ
- เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้มาเลือก Model View Option Combinations > กด Store As เพื่อทำการตั้งชื่อใหม่ หรือ Overwrite แทนของเก่า
4. วิธีการ Set View
A. ให้เลือก View Map เพื่อทำการตั้งค่ารูปแบบต่างๆ ของแบบ
B. เลือก Folder ที่มีใน View Map > Click ขวา
C. เลือก View Setting
D. หัวข้อ General ทำการตั้งค่า
- Layer Combinations ที่ได้ทำการสร้างไว้แล้ว
- Model View Options เลือกที่ได้สร้างแล้วมาใช้งาน
E.เมื่อเลือกทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย กด OK เป็นอันเรียบร้อย
5. การสร้าง New Model Views
- ให้เลือก View Map > เลือกคำว่า Clone a Folder
- เลือก Stories เพราะจะทำการ Copy Stories ของแบบที่มีทั้งหมด
- ในช่อง General ทำการตั้งค่าตาม Detail ของแบบที่ต้องการจะเลือกใช้
- เมื่อตั้งค่าทั้งหมดเรียบร้อยแล้วทำการ กดปุ่ม Clone แบบได้เลย
- เมื่อ Clone เรียบร้อย ก็จะมี Folder ขึ้นมาตามชื่อที่ตั้ง และแบบที่ต้องการแยก
** ดังนั้นเมื่อต้องการทำงานในส่วนไหนให้ Double Click เลือกกลุ่ม Folder งานที่ต้องการทำก่อน เช่น ต้องการทำงานสถาปัตยกรรมให้ Double Click Folder สถาปัตยกรรมก่อนใช้งาน
7. ตัวอย่างงานที่ทำการแยกกลุ่มแบบและ Layer เรียบร้อยแล้ว
ตาม Concept ArchiCAD (BIM) คือการทำแบบที่ดีมากยิ่งขึ้น หรือการแสดงแบบที่มีความแม่นยำอย่างเช่น อยากแสดงแบบแปลนงานคานเท่านั้น สามารถเลือกให้แสดงแค่คาน ยิ่งใส่รายละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่ การเขียนแบบเพื่อขออนุญาตก็จะง่ายและเร็วขึ้น ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนการเขียนแปลน ในแต่ละครั้งสิ่งที่ได้ตามมาคือ รูปด้านและรูปตัดในเวลาเดียวกันอีกด้วย ดังนั้นการจบแบบขออนุญาตก็จะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป
ผู้นำเสนอ
นางสาวสุดารัตน์ ทิพย์ทวีชัย (Technical Support ArchiCAD)