สวัสดีครับ,
วันนี้ผมขอแชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจให้ฟังครับ
เคยไหมครับที่เวลาไปเดินห้างหรือสถานที่ต่างๆ ในช่วงเทศกาลใหญ่ๆ สำคัญๆ เช่น สงกรานต์หรือปีใหม่ แล้วเขาเปิดเพลง ตกแต่งสถานที่ หรือแต่งกายตามเทศกาล จนเรารู้สึกอินกับเทศกาลนั้นเลยทีเดียว (หรือบางคนอาจจะเบื่อไปเลยเพราะรู้สึกว่ามากเกินไป)
เคยไหมครับเวลาที่เข้าไปในสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญๆ แล้วรู้สึกเกร็งๆ เงียบจนเราไม่กล้าพูด
เวลาเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แล้วได้เห็น แสง สี เสียง บรรยากาศ แล้วรู้สึกเข้าใจและเข้าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ เหมือนเราอยู่เหตุการณ์นั้นจริงๆ อันนี้คล้ายๆ กับการดูหนัง 3D หรือ 4D ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ร้านอาหารที่มีการตกแต่งเหมือนนั่งอยู่ในป่า หรืออาจนำเรือ/เครื่องบิน มาทำร้านอาหารเลย
ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เป็นความพยายามที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า UX (User Experience) ให้แก่ลูกค้าครับ
คราวนี้ UX คืออะไร?
ISO 9241-210 (Ergonomics of human-system interaction) defines user experience as “a person’s perceptions and responses that result from the use or anticipated use of a product, system or service”.
“User Experience คือการรับรู้และตอบสนองของบุคคล ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์หรือใช้งานจริง ของบุคคลต่อสินค้า, ระบบ หรือบริการของเรา”
แล้วทำไมต้องคำนึงถึง UX?
เพราะเราต้องการให้ลูกค้า เข้าถึงและเข้าใจ สินค้า, ระบบ หรือบริการของเรา ได้อย่างถูกต้อง, รวดเร็ว และพึงพอใจที่สุด พูดง่ายๆ ถ้าลูกค้ารู้สึกดีเราก็ขายได้มากครับ
ความจริงทฤษฎีของ User Experience มีมานานแล้วและไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะ online แต่ยังรวมถึง offline ด้วย ดังตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ต่อมาเมื่อสังคมเรามีการพัฒนาไปสู่สังคม online มากขึ้น ชีวิตเราก็เข้าไปเกี่ยวพันกับ สินค้า,ระบบ หรือบริการแบบ online มากขึ้น เหตุนี้เอง UX จึงเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ
UX: แล้วจะเริ่มอย่างไร?
ถึงแม้ User Experience จะไม่ใช่ของใหม่และเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้มานานแล้ว การออกแบบ UX ที่ดีและเหมาะสมกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีทฤษฎี, องค์ประกอบ และวิธีการที่หลากหลายตามที่เห็นในภาพประกอบ เราจึงจำเป็นต้องเลือกใช้อย่างระมัดระวังเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
สุดท้ายนี้ขอฝาก ข้อคิดหรับ User Experience design ไว้เป็นแนวทางครับ
!Happy UX Design!
ขอบคุณและสวัสดีครับ
อิสระ อัคราพิทักษ์
